8 ขั้นตอนการรักษาสิว ด้วยโปรแกรม Acne Away พร้อมเผยผิวเรียบเนียน สม่ำเสมอ
สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบเจอได้ทุกช่วงวัย พบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นที่รุนแรงกว่าตามมา เช่น รอยดำ รอยสิว หลุมสิว การที่เราเข้าใจสาเหตุและดูแลอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่คนเป็นสิวควรรู้ เพื่อให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดสิวใหม่ในระยะยาวได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง
1. พันธุกรรม ในผู้ที่มีพันธุกรรมผิวมัน ต่อมไขมันบนผิวทำงานมากกว่าคนทั่วไป จะมีโอกาสเกิดสิวอุดตันและอักเสบมากกว่า
2. ความสะอาด การล้างหน้าไม่สะอาด หรือใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดการอุดตัน (Highly comedogenic) อาจทำให้เกิดสิวหรือทำให้สิวเดิมแย่ลง
3. ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลทำให้เกิดฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) เพิ่มสูงขึ้น มีความมันบนผิวมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้แย่ลง ทำให้มีโอกาสเกิดสิวมากขึ้น
4 จุลินทรีย์ การเพิ่มขึ้นของแบคทีเรีย Cutibacterium acne ที่อยู่บนผิวหนัง จากการเพิ่มขึ้นของน้ำมันบนผิว ทำให้เกิดสิวอักเสบมากขึ้น
5 ช่วงวัยรุ่น และผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือนจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เพิ่มโอกาสเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบ
6 สิ่งแวดล้อม มลภาวะ ฝุ่น PM 2.5 หรือควันไอเสียต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิว และกระตุ้นการเกิดสิวได้
ลักษณะสิวแบบไหนบ้างที่ต้องรักษา
สิวเป็นต้นเหตุของการเกิดรอยดำ รอยแดง และหลุมสิวในอนาคต ซึ่งใช้เวลารักษายาวนาน เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเยอะมากด้วย ถ้าไม่อยากให้มีรอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิวเกิดขึ้น ควรรักษาสิวอย่างถูกวิธี และลักษณะสิวที่ควรรักษา ได้แก่
1 สิวตุ่มแดง (Papule)
เป็นสิวที่มีสีแดงกลมขนาดเล็กนูนและเป็นไตแข็ง ๆใต้ผิวหนัง รักษาได้โดยการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และทายารักษาสิว ไม่ควรแคะ บีบ หรือกดสิวเองเพราะเป็นสิวที่อาจทำให้เกิดรอยดำและรอยแดง หากมีสิวตุ่มแดงจำนวนมากควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยารับประทานรักษาสิว
2 สิวหัวหนอง (Pustule)
เป็นสิวที่มีตุ่มสีแดงและมีจุดหนองสีขาวเหลืองตรงกลาง เมื่อสัมผัสอาจจะรู้สึกเจ็บ รักษาได้โดยการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ทายารักษาสิวกลุ่มยาต้านจุลินทรีย์ ไม่แคะ แกะ เกา เพราะอาจทำให้เกิดหลุมสิว หากมีสิวหัวหนองจำนวนมากควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยารับประทานรักษาสิว
3 สิวหัวช้าง (Nodule)
เป็นสิวที่มีตุ่มแดงนูนขนาดใหญ่มีไตขนาดใหญ่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกหยุ่น ๆ ข้างใต้ผิว สิวประเภทนี้ไม่ควรพยายามรักษาด้วยตัวเองเพราะสิวอาจแตกเป็นซิสต์ใต้ผิวซึ่งอาจเกิดสิวหัวช้างลุกลามและอาจเกิดรอยดำ รอยแดง และหลุมสิวตามมาได้ ควรพบแพทย์เพื่อรักษาสิวหัวช้างให้ไว
4 สิวอุดตันหัวเปิด (Blackheads)
เป็นสิวที่เห็นลักษณะรูเปิดสีดำบนผิว มองเห็นหัวสิวได้จากภายนอก รักษาได้โดยการล้างหน้าให้สะอาด ใช้ยาทากลุ่มผลัดเซลล์ และการกดสิวออก
5 สิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads)
เป็นสิวหัวขาว เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่ามีตุ่มนูนผิวไม่เรียบ ไม่สามารถมองเห็นหัวสิวได้จากภายนอกรักษาได้โดยการล้างหน้าให้สะอาด ใช้ยาทากลุ่มผลัดเซลล์ และการกดสิวออก โดยการกดสิวชนิดนี้ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้เฉพาะทาง เพราะอาจทำให้เกิดสิวอักเสบตามมาได้
ความแตกต่างระหว่างรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว
รอยดำจากสิว เกิดจากการอักเสบและการระคายเคืองของชั้นผิวที่ไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ขนส่งเม็ดสีออกมาที่ชั้นผิวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดรอยเป็นจุดสีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม โดยรอยดำจากสิวมักเกิดในคนผิวคล้ำมากกว่าคนผิวขาว
รอยแดงจากสิว เกิดจากการอักเสบกระตุ้นให้หลอดเลือดฝอยบนผิวขยายตัวและมีเม็ดเลือดแดงตกค้างบนผิวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยสีแดง สีชมพู หรือสีม่วงได้ และรอยแดงที่เกิดจากสิวมักเกิดในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำ
การดูแลผิวเพื่อลดรอยดำรอยแดง
1 รักษาด้วยแสงเลเซอร์
เป็นการใช้พลังงานจากแสงเลเซอร์ที่จำเพาะเจาะจงต่อเม็ดสีดำและเม็ดเลือดแดง ช่วยรักษารอยดำและรอยแดงจากสิว โดยหลังรักษารอยจะค่อย ๆ จางลง จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นกับความเข้มของรอยและชนิดของเลเซอร์ที่ใช้
2 รักษาด้วยยาฉีด
เป็นการใช้ยาเพื่อช่วยลดเม็ดสีเก่า ยับยั้งการสร้างเม็ดสีใหม่ และลดการสร้างหลอดเลือดใหม่ ส่งผลให้รอยดำและรอยแดงแลดูจางลง สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
3 รักษาด้วยการกรอผิว
เป็นวิธีที่ใช้เครื่องมือแพทย์กรอผลัดเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลออก ทำให้รอยดำจางลง ได้ผลน้อยกับรอยแดง และอาจมีทำให้เกิดการระคายเคืองได้
4 รักษาด้วยโปรแกรม Acne Away
เป็นวิธีรักษาสิวที่มีหลายขั้นตอนตั้งแต่ การฉีดสิว กดสิว ฉายแสง และมาสก์ลดสิว ครอบคลุมหลายรูปแบบการรักษา ช่วยรักษาสิวที่ต้นเหตุ และช่วยให้รอยดำรอยแดงจางลง และเหมาะสมกับการรักษา
แนะนำขั้นตอนการรักษาสิวด้วยโปรแกรม Acne Away
หากคุณเป็นสิว พยายามรักษาแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำโปรแกรม Acne Away ที่ช่วยรักษาสิวที่ต้นเหตุ ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ไร้สิวและรอยสิว การรักษาประกอบด้วย 8 ขั้นตอนดังนี้
1. ตรวจประเมินผิวโดยแพทย์
2. ฉีดสิวอักเสบโดยแพทย์
3. กดสิวโดยผู้ชำนาญ
4. ฉายแสง Acne clear light
5. AHA peeling ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยสิว
6. Moisture mask เพิ่มความชุ่มชื้น
7. Cryotheraphy บำบัดเย็นด้วยอุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส ลดการอักเสบผิว
8. รับยาทา หรือยารับประทานรักษาสิวโดยแพทย์
การรักษาสิวด้วยโปรแกรม Acne Away จะได้รับการตรวจผิวและติดตามการรักษากับแพทย์ทุกครั้ง และผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองเฉพาะบุคคล
การฉีดสิว ยาทา และยารับประทานรักษาสิว ขึ้นกับการประเมินและสั่งจ่ายโดยแพทย์
ผลที่ได้หลังทำโปรแกรม Acne Away
- สิวอุดตันและสิวอักเสบลดลง
- รอยดำรอยแดงแลดูจางลง สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
- ผิวหน้าโดยรวมสุขภาพดีขึ้น
- ป้องกันและลดโอกาสเกิดสิวใหม่
- ลดโอกาสเกิดหลุมสิว
6 วิธีป้องกันการเกิดสิวด้วยตัวเอง
1 เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2 ล้างหน้าเช้า-เย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการถูหน้าแรง ๆ
3 ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงประเภท "Non-comedogenic" หรือ "Oil-free" และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มีน้ำมัน
4 หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าหากไม่จำเป็น เพราะอาจมีสิ่งสกปรกและความมันซึ่งเพิ่มโอกาสการเกิดสิว
5 ทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ เช่น ปลอกหมอน ผ้าขนหนู แปรงแต่งหน้า เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก
6 หากพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์